แนะนำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฉบับอมยิ้ม
คำตอบเรื่องนี้อาจจะจริงบ้างไม่จริงบ้างมั้ง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับอ่านให้ดี
เรื่องน่ารู้ประจำมหาวิทยาลัย
ความรู้ทั่วไป
- สีประจำมหาวิทยาลัยคือ สีชมพู แต่มีคนเข้าใจว่าเป็นสีขาวด้วย
- ตราประจำมหาวิทยาลัยคือ พระเกี้ยว (ที่มา : www.chula.ac.th)
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- เด็กจุฬาสามารถแบ่งได้เป็นสองสายคือสายสยามและสายสามย่าน
- สนามกีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกกันว่า “สนามจุ๊บ” โดยที่สมัยนัันสร้างในสมัยจอมพล ประภาส จารุเสถียร เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย และฉายานามของท่านเรียกกันว่า “จุ๊บ” จึงเรียกสนามจุ๊บ หรือสนามจารุเสถียรในระยะแรก
- สามารถนำรถเข้าไปจอดในคณะวิศวกรรมศาสตร์ได้ แม้ไม่ต้องมีสติกเกอร์ ถ้าคนขับหน้าตาดี(ผู้หญิงเท่านั้น)เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะทำการเลื่อนที่กั้นให้อย่างสุภาพเรียบร้อย
- คณะอักษรฯ มีภาควิชาการละครด้วยนะ แต่เป็นละครเวที เทอมนึงมีหลายเรื่องเหมือนกัน แต่แต่ละเรื่องก็แนวมั่กๆ น้องปีหนึ่งเข้ามาใหม่ๆ ต้องเริ่มด้วยการดูละครและวิจารณ์ละครเวที(ที่ดูยากมั่กๆ)
- เชื่อหรือไม่ คณะอักษรฯมีแสงเสียงเป็นของตัวเองด้วย
- โต๊ะหน้าตึกสี่ เรียกว่า โต๊ะไผ่ เป็นแหล่งรวม Arts Men
- เวลาแข่งกีฬาเฟรชชี่ หรืออะไรก็ตามที่ต้องใช้มีตัวเล่นเป็นผู้ชาย เช่น ฟุตบอล คณะอักษรฯต้องระดมพล Arts Men ทั้งสี่ชั้นปีเลยทีเดียว
- คนนอกจะมองคณะอักษรฯ ว่าเป็นคณะหรูหราไฮโซ แต่เชื่อหรือไม่ ชาวอักษรไม่เคยจัดงานใดๆ ที่โรงแรมเลย ไม่มีการสิ้นเปลืองด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นเฟรชชี่ไนท์ บายเนียร์ ฯลฯ สถานที่ประจำคือห้อง 103 ตึกสี่ กับส้วมหมา (สนามหญ้าเล็กๆหน้าตึกบรมฯ)
- เนกไทวิศวะกับครุจะไม่เหมือนชาวบ้าน
- เนกไทของวิศวะ เป็นเนกไทสืบรุ่น หน้าตาอินเทรนด์ แต่ของครุ ถ้าปีหนึ่งก็เหมือนทั่วๆไป แต่พอปีโต หรือที่ออกฝึกสอน มักจะใช้เนกไทสีดำมีพระเกี้ยวโลหะเล็กๆติด (แล้วมันไม่เหมือนหรอ??)
- คณะวิทยาฯมีการประกวดดนตรีอะคูสติก ชื่อว่า Under Tab (ส่วนใหญ่อ่านกันว่า “อันเดอร์แท๊บ”) จริงๆแล้วมาจากคำว่า “Under Tab” (อันเดอร์(ตึก)แถบ) เพราะสมัยก่อนจัดงานใต้ตึกแถบ ตึกแถบเป็นชื่อตึกหนึ่งของคณะวิทยาศาสตร์ (ปัจจุบัน เห็นจัดที่ตึกSci (อ่านว่า ไซน์) ทำไมไม่เปลี่ยนชื่อล่ะ)
- คณะแพทย์มี Singin’ Contest ด้วย แรกๆมีแบคเป็น GMM ด้วยนะ ล่าสุด อบจ. พยายามยึดมาจัดในนามตัวเอง แต่ยังไม่สำเร็จ <<< คณะแพทย์มาขอใช้ชื่อ อบจ. เพื่อเอาไปขอ sponsor นะครับ อบจ ไม่ได้พยายามจะยึดมาเป็นของตัวเอง
- คณะวิศวกรรมศาสตร์ เคยจัดงานประกวดเต้น ชื่อว่า DanceXplosion โดยตั้งแต่ครั้งที่ 2 เป็นต้นมา จัดในนามอบจ. (องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ)
- Human Relation คือวิชายอดฮิต ลงกันล้นจนต้องเปิดเซคเพิ่มทุกเทอม
- intro to law มีอีกชื่อว่า intro to A แต่ปัจจุบันเป็นวิชา intro to B+
- สนามวอลเลย์บอลคณะรัฐศาสตร์ ปัจจุบันเป็นที่จอดรถ — ยามจะเปิดให้จอดตอนบ่ายโมง จะเข็นรถออกทีนึง เหมือนเล่น Tetris
- คณะรัฐศาสตร์จุฬามีสนามฟุตบอลเป็นของตัวเอง และ หวงมากด้วย
- โรงอาหารอักษรมีข้าวเหนียวไก่เป็นอาหารชูโรง และลูกค้าหลักคือเด็กเตรียม — คนขายเป็นลุงกะป้า ถ้าป้าเป็นคนสับไก่ใส่จาน จะได้น้อยกว่า แต่ถ้าสั่งไม่สับจะได้เยอะที่สุด
- โรงอาหารคณะครุฯจานใหญ่มาก
- รองเท้าขาวสำหรับนิสิตหญิงปี 1 ฮิตใส่ยี่ห้อ peppermint
- ยกเว้นคณะศิลปกรรม ต้องใส่รองเท้าพยาบาลสีขาว ต้นตึกสูง4เซน รุ่นลิมิตเต็ตอิดิตชั่น (หาที่ไหนไม่ได้ สั่งจากรุ่นพี่อย่างเดียวเท่านั้น!!)
- ข้างหอประชุมจุฬามักเป็นที่ซ้อมละครของเด็กอักษร
- นิเทศ ที่ดูต้องใช้เครื่องมือเยอะๆนั้น มีตึกเรียนเพียงสองตึก คือ ตึกหนึ่งและตึกสอง (มันไม่มีสามสี่ห้าแน่ๆ) ตึกหนึ่งมีห้าชั้น ใช้การได้สี่ชั้น และตึกสอง มีหกชั้น ใช้งานได้จริงๆ สามชั้น…(สงสัยตัวเองเหมือนกันว่ายัดตัวเองอยู่ที่ไหนของคณะ)เป็นตึกจิ๋วๆที่อยู่ระหว่างครุกับนิติ นี่แหละ ปล.ก็อยู่กันใต้ถุนคณะนั้นแหละ คาดว่าเป็นคณะเดียวที่สามารถเปิดเพลงฟังได้ที่ใต้ถุนคณะ โดยไม่โดนอาจารย์ด่า หิหิ
- ครุอาร์ท เป็นครุศาสตร์ที่ตึกเรียนอยู่ตรงข้ามกับคณะครุศาสตร์(งงม้าย คือเค้าว่า เค้าเป็นครุอาร์ท.. ไม่ใช่ครุศาสตร์ นะ)
- 43% ของเด็กครุศาสตร์ (ที่ไม่ได้เรียนครุอาร์ท) ไม่รู้ว่าตึกที่อยู่ข้างๆคณะนิเทศ และอยู่ตรงข้ามกับคณะตัวเอง แถมติดกับโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายมัธยมนั้น เป็นตึกครุศาสตร์ -_-“
- หมาประจำตึกครุศิลป์ ในอดีตประกอบด้วย สมุน สมาน ไฟเบอร์ เตี้ย และเสือ(ลูกสาวเตี้ย) (ข้อมูลจากปี 47)
- ต่อมาเกิดเหตุการณ์วันหมาวิปโยค ในปี 2549 หมาสามตัวแรกถูกจับไป (ไปตามตัวกลับมาได้ในภายหลัง และนำไปอยู่ในที่ปลอดภัยตราบจนทุกวันนี้)
- ปี 2551 อีเสือตายกระทันหัน จากอุบัติเหตุ เหตุการณ์นี้ทำให้เตี้ยสะเทือนใจอย่างแรง เป็นเวลากว่าหลายชั่วโมง หลังจากนั้นไม่นาน ได้มีหมาใหม่มาติดสอยห้อยตามเตี้ย น่าแปลกที่มีลักษณะนิสัยเหมือน เสือ ทุกประการ ทั้งการตื่นกลัวเกินกว่าเหตุ เสียงร้องโหยหวนทั้งที่ไม่มีใครทำอะไร ผู้เชี่ยวชาญที่ตึกหลายท่านให้ความเห็นว่า โดนวิญญาณเสือสิงร่าง หมาตัวนี้ถูกเรียกว่า “ระแวง”
- เตี้ยชอบถูกเหมารวมเป็นหมาคณะนิเทศในบางครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่ตึกไม่มีใครให้ของกินมัน (เพระมันอ้วนจะตายห่าอยู่แล้ว) มันจะคืบคลานลากสังขารไปที่โรงอาหารรวมใต้ตึกคณะนิติศาสตร์ เพื่อขอปันอาหาร จากนิสิตต่างคณะ และเด็กนิเทศก็ใจดีเสียด้วย!!
- หอสมุดกลางของมหาวิทยาลัย เรียกย่อๆว่า “หอกลาง” ส่วนห้องสมุดของคณะครุศาสตร์ที่ถือว่าอยู่ใกล้หอกลางมากที่สุด เรียกว่า “หอน้อย”
- หน้าหอกลาง มีคนเป่าแคน (ไม่เชื่อไปดูได้)
- คณะที่ใกล้ห้างที่สุดคือสหเวชศาสตร์ ใกล้สยามที่สุดคือทันตแพทยศาสตร์ — สหเวชอยู่ติด MBK ทันตะฯ,สัตวะ,เภสัชอยู่ติดสยาม
- ตอนเย็นๆ ลานเสียสาวของสหเวชบรรยากาศโรแมนติกมาก
- เด็กฝั่งมาบุญครองเรียกฝั่งตรงข้ามว่า “ฝั่งในเมือง”(แปลว่าฝั่งนี้เป็นบ้านนอกหรือ ไม่น้า<= ฝั่งMBK เรียกว่าฝั่งบ้านนอก
- เด็กฝั่งสยาม(เภสัช,ทันตะ,สัตวะ)จะเรียกบริเวณอื่นๆว่าจุฬาใหญ่และถูกเรียกว่าบ้านนอก (ถึงบ้านนอกก็มีห้างเป็นของตัวเองจ้า)
- โรงอาหารนิติ เป็นโรงอาหารที่มีเด็กสาธิตและเด็กนิเทศนั่งกินมากที่สุด (เปล่านะ เราใช้รวมกันหรอก)
- ลุงฟรุ๊ตตี้ขี่เวสป้ามาขายผลไม้ในจุฬาทุกวันตอนเย็น (จริงๆ ลุงเค้าชื่อประมวล แซ่ลิ้ม (หนังสือเปิดรั้วจามจุรี ปี 49)) ลุงฟรุ๊ต เป็นลูกชายหัวโป้งเหน่งของลุงเทียมมี่ ซึ่งขายอยู่หน้าอักษรตั้งแต่รุ่นแม่
- อักษรชอบถาปัด แต่ถาปัดชอบกันเอง
- การเดินสยามถือเป็นการเดินช่วยย่อยได้ดี ไม่ต้องซื้อไรหรอก..เพราะมันแพง
- แต่ก่อนเข็มพระเกี้ยวรัศมีจะเป็นทรงแหลม เดี๋ยวนี้รัศมีอ้วนๆ
- หอยทากมักเดินเล่นบนถนนในหน้าฝน และมันจะไม่หยุดให้เราเดินไปก่อน…
- นอกจากหอยทากแล้วเรายังสามารถพบหนูได้ทั่วไปในอาณาเขตจุฬาฯ เวลากลางคืน
- แถวๆ หอกลาง มีสุนัขมากที่สุดในจุฬาฯ และชอบรวมฝูงเป็นกลุ่มใหญ่ในเวลาค่ำคืน
- วันดีคืนดี ก้อชอบนอนจองถนนกันเต็มถนน
- มีไดโนเสาร์สองตัวหน้าภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ นอกจากไดโนเสาร์แล้วยังมีตู้ไฟขนาดใหญ่อีกสองกรงหย่ายๆๆ รกโครตๆ
- ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ นอกจากจะรักตู้ไฟ (ใส่กรงขังอย่างดี) มากกว่าไดโนเสาร์แล้ว ยังมีรักเก้าอี้มากกว่าไดโนเสาร์ด้วย ถึงขนาดคล้องโซ่เส้นโตกันเก้าอี้หาย
- ตอนประธานาธิบดีคลินตันมาที่มหาลัยหลายปีก่อนมีหน่วย swat องค์รักษ์ติดมาด้วย1คันรถ ทุกคนถืออาวุธครบมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลา ไม่รู้จะไปรบกะใคร
- ถนนอังรีฯมีอาชญากรรมบ่อยๆ — ตอน 9 โมงเช้าจะมีคนขี่มอไซค์รับจ้าง ยืนฉี่ใส่ตู้ชุมสายโทรศัพท์ ตรงประตูใหญ่อักษร เจอแม่งประจำ
- รถโดยสารภายใน “จุฬาฯ” เรียกกันติดปากว่า “รถป็อป” ซึ่งมีที่มาจาก “รถ ปอ.พ.” — รถป๊อบเป็นรถไฮบริด ชาร์จไฟเพียง 4 ชม. วิ่งได้ถึง 2 ชม.
- 30% ของนิสิตจุฬา มารู้เอาตอนปี 3 ว่า “รถป๊อป” มาจากคำว่า “รถ ปอ.พ.”
- “รถป๊อป” รุ่นใหม่ สามารถจ่ายค่ารถด้วยบัตร SmartPurse ได้ด้วย (ห้องน้ำที่มาบุญครอง ก้อจ่ายด้วยบัตร SmartPurse ได้เหมือนกัน ไฮโซมั๊กๆ)
- ก่อนมีรถป๊อป ไม่เคยมีการใช้มอไซค์หรือจักรยาน “เดินจุฬา”เท่านั้นพี่น้อง น่องโป่งเรย…….
- สายรถป๊อบที่ฮิตที่สุด คือ สาย 1 ศาลาพระเกี้ยว-สยาม และสาย 2 คณะัวิทยาศาสตร์การกีฬา-ศาลาพระเกี้ยว — การเดิน เร็วกว่าการรอ และนั่งรถป๊อบ รถป๊อพมีด้วยกัน 3 สาย คือ สาย1 สาย2 และ สาย4 งงมั้ย???
- เมื่อก่อนมีรถป๊อบสาย3 ไปคณะแพทย์ แต่หายไปอย่างลึกลับ (เพราะไม่ค่อยมีใครขึ้น)
- ความลึกลับของรถป๊อบ คือ ตอนเราขึ้นเป็นสาย1 แต่พอคนเต็มรถสามารถแปลงกายเป็นสาย2ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
- คนขับรถป๊อบน่าเกลียดมากๆ ชอบเปิดประตูชนนิสิตตรงกลางรถ พร้อมกับเสียงด่าว่าทำไมไม่รู้จักระวัง (กูโง่มากโดนประตูหนีบ)
- นิสิตบางคนทึกทักเอาเองว่า DotA คือกีฬาประจำมหาลัย (จะสู้พวกเกษตรฯได้เร้อออ)
- คณะรัฐศาสตร์ และ เศรษฐศาสตร์ ตั้งอยู่บนถนนเดียวกัน ทำให้ ถนนนั้นชื่อว่า ถนนไฮโซสตรีท เพราะรวมไว้ซึ่งคณะ ไฮโซ ดังๆ ทั้งน้าน — คณะบัญชี มีลานจอดรถให้นิสิตด้วย
- คณะที่ทุกคนใฝ่ฝันเมื่อเห็นการแสดงเชียร์โต้ คือ ศิลปกรรมศาสตร์ และเพลงยอดฮิตติดหู คือ เพลงน้องนางลูบไข่ และเพลงโอ้ทะเล (บัลเล่ย์)
- แต่ปัจจุบันเพลงยอดฮิตกลายเป็น เพลงเลีย (จากจำนวนผู้รีเควสวันรับปริญญา) และเพลงฟันดี (เพราะลีดมันหาง่าย)
- คณะที่มีตึกสูงที่สุด คือ ตึกมหามกุฏ คณะวิทยาศาสตร์ (มักเรียกกันว่า ตึก sci)
- ถ้ามองจากมุมสูง จะเห็นศาลาพระเกี้ยว เป็นรูปพระเกี้ยวจริงๆ และ ตึกจุลฯจะเป็นฐานพระเกี้ยว ไฮโซเวอร์
- ห้องสมุดอักษรเป็นห้องสมุดที่เงียบมาก เพราะเด็กอักษรไม่นิยมอ่านกันที่นี่ (รู้สึกจะจัดชั้นหนังสือแบบสภาอเมริกัน สวยเหมือนห้องสมุดของฮอกวอตส์ อ้าวทำไม มีอะไรม่ะ?? ตูจะทึกทักไปเอง)
- หอใน จุฬาฯ ชื่อว่า ซีมะโด่ง และมีงานรับน้องเป็นของตัวเอง ว่ากันว่า ช่วงเดือนมิถุนาทั้งเดือน แถวๆมาบุญครอง จะได้ยินเสียงโวยวาย เสียงเพลง ตอนดึกๆ
- หอพักอาจารย์ “วิทยนิเวศน์” สามารถเอาจักรยานขึ้นลิฟต์ไปจอดหน้าห้องได้ ในขณะที่ลานจอดรถด้านหน้า อาจารย์ก้อต้องแย่งกันจอดรถยนต์จนล้นไปที่ถนน
- หอกลาง เคยมีคดี ชกกัน เนื่องจากแย่งที่นั่งอ่านหนังสือกัน
- ช่วงสอบต้องจองที่นั่งที่หอกลางล่วงหน้า แต่เดี๋ยวนี้มีจาม9แล้ว
- นิสิตจุฬาฯ กว่าครึ่ง สามารถ บูม บาก้า ได้ก่อน เอนท์ ติดจุฬาฯ
- จากข้อที่แล้ว สันนิษฐานว่าเหตุหนึ่งเพราะนิสิตจุฬาฯจำนวนหนึ่งมาจากโรงเรียนข้างๆที่มี บูม บาก้า เหมือนกัน(สาธิตจุฬาฯ)(แต่ของเตรียมจังหว่ะจะเร็วกว่ามาก)
- อบจ. ย่อมาจาก องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ยาวจิง) เป็นเหมือนสโมสรนักเรียนของจุฬาฯ จัดงานต่างๆ ในมหาลัย เช่น รับน้องก้าวใหม่ งานบอล ปิยะ ลอยกระทง นายกอบจ. หลังๆ มีแต่เด็กวิดวะ เป็น นอมินี ชนิดหนึ่ง
- นิสิตจุฬาฯ กว่าครึ่งเคยเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่างของมหาลัย แต่ไม่รู้จักอบจ.น่าเศร้าจริงๆ
- อังรีดูนังต์ เป็นที่จอดรถของเด็กวิศวะ และรัดสาด สี่โมงปุ๊ปก็จะกรูมาเลื่อนออกเพราะจะโดนล็อคล้อ — ใบสั่งเฉยๆ 100-200 ถ้าล็อคล้อด้วยก็ 400
- CU-TIME เป็นโครงการที่รณรงค์การตรงต่อเวลา ของนิสิต จัดขึ้นเมื่อปี 2546 แต่ไม่รู้ประสบความสำเร็จไหม?!?!?
- ปัจจุบัน CU-TIME คือเวลาที่นิสิตมา(เข้าห้องเรียน)LATE
- BSAC เป็นคณะอินเตอร์ ที่ผู้ชายหล่อมักไม่ใช่ผู้ชาย ผู้หญิงสวยมักไม่ใช่ผู้หญิง
- BSAC มีสมาคมเป็นของตัวเองชื่อว่า สมาคมมะเร็งปอด เป็นสถานที่ ไว้ใช้ในการตึ้ม โดนยึดเอาบันไดหนีไฟเป็นที่ตั้งสมาคม
- เด็กอักษรภาคอินเตอร์ ไม่ถูกกับเด็กอักษรภาคปกติ
- บนถนน ไฮโซสตรีท ท่านสามารถพบเห็นรถยนต์เหล่านี้ได้บ่อยๆ: รถเบ็นซ์ทุกคลาส A B C CLK E S SL SLK บีเอ็มทุกซี่รีย์ 1 3 5 6 7 X3 X5 Z3 Z4 รถ MINI Cooper หลากสี ปอร์เช่ Boxster Cayenne Cayman หรือว่า Nissan GT-R ตัวใหม่ก็ยังมี
- ทั้งมหาลัย มีคนใช้รถโตโยต้า ยาริส สีฟ้า เหมือนกันประมาณ 10 คัน
- และมีคนใช้ฮอนด้า Jazz สีขาวนับไม่ถ้วน
- นิสิตคณะบัญชีที่จะเอารถมาจอดที่ลานจอดรถคณะได้ ต้องมีความสามารถในการขับรถสูง
- นิสิตปีหนึ่งทุกคณะจะต้องเรียนวิชา exp eng ยกเว้นอักษร
- จุฬาฯ มีคณะพยาบาลศาสตร์ (ไม่รู้กันเหรอ??)
- ธรรมศาสตร์กล่าวหาว่าจุฬาฯเป็นมหาวิทยาลัยหญิงล้วนแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย
- นิสิตหญิงอักษรไม่ได้สวยและไฮโซทุกคน และสามารถเป็นทอมได้
- เมื่อก่อนหนุ่มวิดวะเป็นแฟนกับสาวบัญชี ปัจจุบันหนุ่มบัญชีเป็นแฟนกับหนุ่มวิดวะ
- คณะทันตแพทยศาสตร์ เป็นคณะที่โรงอาหารเดียวในจุฬาฯ ที่ต้องใช้บัตรในการซื้ออาหาร
- ทันตะ มี dental point เป็นของตัวเอง เลียนแบบมาจาก center point ที่สยาม
- คณะทันตะ มีป้ายคณะอยู่คู่กับ ที่เก็บขยะติดเชื้อ ระวังนะ
- เมื่อก่อนคณะไหนสถิตย์แถวสามย่านจะดูบ้านนอกมาก แต่ปัจจุบันมีจามจุรีสแควร์แล้ว ทำให้เด็กบ้านนอกได้ดูไฮโซกับเค้าบ้าง
- แหล่งอ่านหนังสือใหม่ของชาวจุฬาฯ นอกจาก หอกลาง จามจุรี 9 ปัจจุบันหลายคนนิยมมานั่งถึก+เถือกและเกลือกกลิ้งอยู่ที่สตาร์บัค และทรูคอฟฟี่ ณ จามจุรี สแควร์
- คนขายโรตีสายไหมหูหนวก จะพกกระดาษบรรยายสรรพคุณว่าตนหูหนวกเป็นใบ้ จึงมีคนยอมอุดหนุนมาตลอด จนกระทั่งครั้งหนึ่ง เด็กบัญชี กรุ๊ป ข.1 เตะบอลกัน ตรงหน้าทางเข้าตึก 3 ด้วยความที่คนเตะตีนหนักมาก เสียงเท้ากระทบบอลเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ดังขนาดที่ว่า คนหูหนวกซึ่งยืนหันหลังให้สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ไหนว่าหูหนวกไง
- คนที่เข้ามาขายของอีกหลุ่ม จะเป็นน้องๆใส่ชุดนักเรียนมัธยม เข้ามาขาย ปากกาดิาสอ ขายมาตั้งแต่(ผู้เขียน)เป็นเฟรชชี่ จนเป็นบัณฑิตมาหลายต่อหลายปี น้องพวกนี้ก็ยังคงเป็นเด็ก มัธยมมาขายปากกา น้องครับ น้องหน้าโคตรแก่เลยครับ พินิจดูดีๆ น้อยน่าจะอายุไม่ต้ำกว่าสามสิบแล้วนะครับ เมื่อไหร่จะเรียนจบ มัธยมสักทีครับ
- คณะสินกัม เป็นคณะที่คนปกติไม่สามารถเรียนได้ หากมีคนปกติหลงเข้า หลังรับน้องไม่กี่วันก็จะไม่ปกติทันที
- นิสิตในคณะมักจะมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ มีอาการเวิ่นเว้อ มึนงง ผีเข้าผีออก เบลอ เมา เหงา ง่วง คึกคัก บ้า มีปัญหา ไม่รู้ว่าเป็นห่ะอะไรกัน -*-
- และนิสิตเข้าใหม่แต่ละปีมีผู้ชาย(แท้ๆ)20% หลังจากรับน้องจะเหลือ10% และเมื่อผ่านเทอมแรกไปจะเหลือเพียง 3%
- สามารถพบสุนัขจรจัดได้ที่ใต้ตักคณะทุกคณะยกเว้นใต้ตึก60ปีสัตวแพทยศาสตร์ จะไม่พบสุนัขจรจัดเพราะเหตุใดไม่มีใครทราบ
เชื่อหรือไม่?
- วิดวะเปนคนะเดียวที่มีจำนวนนิสิตชายมากกว่านิสิตหญิง
- สระน้ำหลังตึกฟิสิกส์ แท้ที่จริงเป็นทางระบายน้ำขนาดใหญ่ที่มีสารพิษจากตึกเคมีไหลปนมาด้วย แต่ต่อมาเกิดน้ำขังอุดตันและมีคนนำปลามาปล่อยจนแพร่พันธ์เต็มสระ เคยมีการซ่อมแซมทำให้ปลาลงไปนอนพะงาบๆ จึงต้องทำเขื่อนกั้นน้ำไว้เหมือนเดิม ปัจจุบันปลาและสิ่งมีชีวิตในคลองหลังตึกฟิสิกส์ เป็นมิวแตนท์ กินสารพิษเคมีเป็นอาหาร
- ห้องสังสรรค์ เอ้ย!!ห้องสมุด คณะเศรษฐศาสตร์ มีบรรณารักษ์ที่ดุที่สุดในโลก
- กีฬาเฟรชชี่ปี49 มวยหญิงตัวแทนบัญชีต่อยตัวเองจนเข้าโรงพยาบาล
- รุ่นพี่หลายคนชอบหลอกน้องให้ลงวิชาเลือกยากๆ เพราะแค้นที่ตัวเองโดนหลอกมาก่อน (เช่นผม เจอ C+ มาหมาดๆเทอมที่แล้ว – -*)
- ปัจจุบันรถป๊อปกลายสภาพเป็นรถไฟฟ้าแล้วนะ สีชมพูแหววเหมือนเดิม รถกระชากแรงมาก ควรจับราวให้ดี อาจารย์ท่านหนึ่งของวิชา REC CAMP เคยบอกไว้ว่าเวลาขับรถต้องระวังข้างหลังดีๆเพราะรถไฟฟ้าขับมาเงียบมาก เกือบชน
- ห้องสมุดรัฐศาสตร์สามารถคุยได้ แต่ถ้าเสียงดังเข้าขั้นตลาดสดเมื่อไหร่จะมีกริ่งเตือน นิสิตจะเงียบไปประมาณสองนาที แล้วก็คุยกันเหมือนเดิม
- บะหมี่อดทนรัฐศาสตร์ อดทนจริงๆ (เพราะป้าทำช้ามั่ก) และแพงจริงๆ (ใครกินฟูลออพชั่น เหยียบ 40) — ใส่เป็ดด้วย อร่อยเมพ
- ปูนปั้นรูปตุ๊กแกที่แปะอยู่หน้าตึกศิลกัมหายไป…ไปไหน….ลึกลับจริงๆ
- จริงๆแล้วตุ๊กแกตรงมุมตึงศิลปกรรม ไม่ใช่ปูนปั้น แต่มันเป็นโฟม แปะด้วยกาวสองหน้า อยู่ทนทานมานานจนผุกร่อน เลยดูคล้ายปูนปั้น
- และที่หายไปก็ไม่ลึกลับหลอก จารย์บั๊ค(คณะบดี)สั่งให้ทาสีตึกใหม่ แล้วคงเห็นว่าไร้สาระมั๊ง เลยแกะออก
- ที่จริง! จารย์บั๊ค(คณะบดี)ไม่ได้สั่งให้แกะออก… แต่คนงานทาสี แกะแล้วเผลอเอาไปทิ้งต่างหาก! (ที่รู้มาเพราะถาม อ. ตอนเรียนวิชาเลือกเมื่อเทอม 2/2548)
- แต่ว่าล่าสุด ตุ๊กแก กลับมาแล้ว เป็นไฟเบอร์ทำสีอย่างดี อยู่ในตำแหน่งเดิมเป๊ะ (พวกเราไร้สาระ แต่ทำจริงวะ 555)
- คนส่วนใหญ่เลยคิดว่าสัญลักษณ์ประจำคณะคือตุ๊กแกตัวนี้
- จริงๆแล้วสัญลักษณ์คณะสินกัมจริงๆคือ พระพิฆเนศ
- แต่ปัจจุบันตุ๊กแกก็หลายเป็นตราประจำคณะ(อย่างไม่เป็นทางการ)ไปแล้วแหละ
- ปล. ศิลปกรรมมีชื่อเล่นๆ(อย่างเป็นทางการ)ว่า “สินกัม”นะ
- นกพิราบชอบบินใส่กระจกรถที่วิ่งมา…ตายประจำ ไม่รู้ทำไม
- หมาของศิล’กัมถ้าเป็นสีขาวจะโดนbody paint
- นิสิตหญิงที่ใส่เสื้อฟิดติ้วตีเกล็ดจะถูกประนามหยามเหยียด
- ปีหนึ่งสินกัมต้องใส่ชุดตัวใหญ่ หลวมโคร่ง (ขนาดแบ่งครึ่งใส่ได้2คน) กระโปรงยาวครึ่งแข้ง และรองเท้าขาวรุ่นลิมิตเต็ตอิดิทชั่น ทรงผมของผู้หญิงต้องรวบตึงชนิดที่หลุดมาซักเส้นก็ไม่ได้ มัดสูงไปก็ไม่ได้ ต่ำไปก็ไม่ได้ ห้ามถักเปีย ติดกงติดกิ๊บ อะไรต่างๆนาๆ (มันเป็นชุดพระราชทานสมัย ร.5เชียวนะ!! : พี่สันคนหนึ่ง)(ไม่ต้องเชื่อก็ได้ : รุ่นน้องๆ)(และมันจะเริ่มกลายสภาพหลังจบเทอม 1)
- มือกลองสินกัมใช้มือตีกลอง ตีหนักสะท้านทรวงและมีหลายจังหวะให้ฟัง ไม่เชื่อลองฟังดูสิ
- จุฬามีหมูปิ้งเดลิเวอรี่ด้วยนะ โทรสั่งได้ไว้จะเอามาแปะไว้
- พนักงานหน้าห้องคอมที่วิศวะจุฬาเป็นเกย์ มีนามว่า “เกย์เฒ่า” ชอบแอบจับมือผู้ชายตอนขอดูบัตรนิสิต (ระวังไว้ให้ดี)
- และถ้าหน้าตาถูกตาถูกใจพนักงานหน้าห้องคอมที่วิศวะจุฬาละก็อาจได้ยินประโยคต่อท้ายว่า “ช่วยหันหลังให้ดูด้วยคับ” (โอ้วแม่เจ้า)
- รวมทั้งถ้าไม่ยอมมองสบตาตรงๆก็อาจโดนว่าด้วยว่า “ช่วยมองหน้าตรงๆด้วยคับ”
- แล้วถ้าเขาชอบใครเป็นพิเศษ จะถูกกล่าวหาว่าแต่งกายผิดระเบียบ เพื่อตรวจสอบต่อไป
- หมาที่วิศวะ นาม”หมาอ้วน” เข้าเรียนมากกว่านิสิตหลายๆคนในคณะด้วยซ้ำ เช่น แคล เคมี แมททีเรียล ดรออิ้ง
- ไม่มีใครรู้ว่าหมาอ้วนเป็นหมาตัวผู้รึตัวเมียกันแน่
- หมาอ้วนตายแล้วด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2551 เวลาประมาณ 9 โมง ปัจจุบันถูกฝังไว้ระหว่างตึกโตฯ (วิดวะ) และโรงอาหารรัดสาด ปัจจุบัน มีหมาเขี้ยว และ หมาอ้วนเซ่เว่น มาแทน
- หลังจากที่หมาอ้วนได้จากไป ก้อมีหมาจากนอกคณะมาเยือนมากมาย (สงสัยตอนแีรกจะเกรงใจหมาอ้วน เลยไม่กล้าเข้า)
- งานรับน้องก้าวใหม่ เคยมีบ้านที่มีชื่อเป็นคำผวน เช่น บ้านเพชรกันยา แต่ต่อมาอาจารย์เริ่มผวนคำเป็น เลยไม่มีชื่อบ้านแบบนี้ให้เห็นอีก
- บริเวณหน้าตึกบรมฯ (ตึกอักษรฯ) สามารถนั่งกินเหล้าได้ตั้งแต่เที่ยงวันโดยที่ไม่มีอาจารย์ด่า !!!
- ห้องน้ำชายตึกบรมฯ (ตึกอักษรฯ) ยังสามารถดูดบุหรี่ได้ เพราะว่าไม่ค่อยมีคนเข้า
- อนุสาสกหอพักคนปัจจุบัน (อาจารย์ผ่าว) หน้าตาเหมือนพระเอกหนังเรื่องรักแห่งสยาม (มาริโอ้)
- ตึกจามจุรีเก้า (แถวสามย่านที่เพิ่งสร้างเสร็จ) ที่เคยนั่งกินเหล้าได้โดยที่ไม่มียามไล่ ตอนนี้มีรั้วกั้นมิดชิดพร้อมยามตลอดเวลา
- บริเวณบันไดตึกวิทยบริการ (หอกลาง) สามารถนั่งกินเบียร์ ดูดบุหรี่ ดูดปุ๊น ฯลฯ ได้
- บริเวณคณะวิศวกรรมศาสาตร์ สามารถดูดได้ทุกที่ แต่เด๋วนี้มี smoking area ให้ดูดเฉพาะที่ แต่ก้อยังดูดกันทุกที่
- เวลาเดกจุฬาไปมหาลัยอื่นจะเปนที่ฮืิอฮามาก บ้างตื่นเต้นเหมือนนายกฯมา บ้างมองตามแบบเหลียวหลัง มักจะได้ยินคำอุทานว่า”อุ๊ย! เด็กจุฬา” เป็นประจำแต่เวลาเด็กที่อื่นมาจุฬากลับไม่มีใครสนใจ จนบางครั้งไม่รุ้ด้วยซ้ำว่ามาจากที่อื่น
- เวลานั่งรถป๊อป ตอนเช้าๆก่อนเข้าเรียนเป็นเวลาดีที่สุด(สำหรับพวกหื่น) เพราะเบียดกันจนเกือบได้เสียกันเลยทีดี ขนาดตัวผู้เขียนเองจะเอามือล้องกระเป๋าไปรับโทรศัพท์ทีนึงยังต้องระวังเลย เด๋วไปมือไปโดนหน่มหน้ม สาวๆเข้า …เป็นเรื่อง!
- เมื่อซัก 30 ปีก่อน นิสิตหญิงจะไปที่คณะถาปัด เพื่อไปดูห้องน้ำ (เนื่องจากห้องน้ำคณะสะอาดมากๆ) และไปดูศรัณยู (ตั้ว ศรัณยูเคยอยู่ถาปัดมาก่อน (และหล่อที่สุดในคณะ) รุ่นเดียวกะดี้นิติพงษ์, เจี๊ยบวัชระแห่งวงเฉลียงอ่ะแหละ)
ธรรมเนียมประเพณี
- นิสิตใหม่ตอนเข้ามาต้องถวายบังคมพระรูปสองรัชกาล ตอนเรียนจบรับปริญญาก็ต้องถวายบังคมลา เช่นเดียวกัน
- คืนวันคริสมาสและวันวาเลนไทน์ ที่หอในจะมีการตะโกนบอกรักกันข้ามหอ อิอิ (จริงๆมันเป็นช่วงสอบแหละ เครียดๆกันเลยหาเรื่องตะโกน)
- “รับน้องก้าวใหม่” คือการรับน้องรวมของมหาลัย เป็นการรับน้องขำๆ ไม่มีว้าก ไม่มีโหด พี่ๆเอาใจน้องๆราวกับพระเจ้า มีพี่บ้าน มีน้องบ้าน ส่วนใหญ่แต่ละบ้านสังกัดชมรม เช่น บ้านคุ้ม คือ ชมรมศิลปวัฒนธรรมล้านนา บ้านโซ้ยตี๋หลีหมวย คือชมรมสลัม บ้านโรงเรียนก็มี เช่น บ้านยิ้ม บ้านแรง แต่ถ้าบ้านที่ร่วมตัวกันด้วยใจรัก(พักเป็นช่วงๆ) จะเป็นบ้านหลังเล็กๆ อย่างบ้านพี่ขาดคนหุ่งข้าว บ้านอินเดียน่า
- บ้านของชมรมเชียร์ จะเปลี่ยนชื่อทุกปี แล้วแต่theme ของปีนั้นๆ แต่คนทั่วไปหรือแม้แต่สมาชิกบ้าน จะเรียกบ้านเชียร์ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นชื่ออะไรก็ตาม จะสังเกตได้ง่ายว่าบ้านไหนคือบ้านเชียร์ คือจะมีการแต่งกายด้วยสีแดงทั้งชุด
- เพลง “โทง” เพลง”จุดธูป” และอีกหลายๆเพลงที่นิยมร้องในการรับน้อง แต่งโดยสมาชิกรุ่นแรกๆของบ้านเชียร์
- แต่บ้านรับน้องบ้านหนึ่งที่มีความแปลกประหลาดมากเป็นพิเศษเห็นจะเป็นบ้านคุ้ม นอกจากจะอุดมไปด้วยประชากรเพศที่สามแล้ว ดูจากการแต่งกายในปีล่าสุด(2551)ที่เนรมิตคนในบ้านให้กลายเป็นเจ้าหน้าที่สายการบิน ใน theme ‘คุ้ม Airlines’ เหมือนละครชื่อดังทางช่อง5ไม่มีผิด ในปีต่อมา (2552) เนรมิตคนในบ้านให้กลายเป็นหมอ พยาบาล สถานบริการทางการแพทย์ ใน theme ‘คุ้มHospital’ แต่… พยาบาลขนหน้าแข้งขึ่นให้ลึ่ม!!! โอ้วววว และปีล่าสุด (2553) ปวงประชาบ้านคุ้มแต่งเป็นทหารหนุ่มสาวมากมายใน theme ‘คุ้ม Armed force’
- งานบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ เป็นเหมือนงานปิดฉากกิจกรรมของแต่ละปี จะเป็นช่วงแย่งซีนของคนทำกิจกรรมและคนเฉยๆ หลายๆ คน จะแห่กันมาสมัครเป็นลีดบ้าง ผู้อัญเชิญพระเกี้ยวบ้าง จุฬาคทากรบ้าง ใครได้เป็นก็ดังเลยทันที
เทศกาลตัดงบ(ชมรม)มหาสนุก
- เป็นช่วงเทศกาลแห่งความรื่นเริงที่จัดขึ้นก่อนจะขึ้นเทอมใหม่ สาระของเทศกาลว่าด้วยการแบ่งก้อนเค้ก เอ้ยยย งบให้แต่ละชมรม ในที่ประชุม
- อนึ่ง ชมรมในจุฬาประกอบด้วย 4 ฝ่าย ได้แก่ กีฬาในร่มผ้า พัฒนาชาติเทย วิชากวน และศิลเปรอะวัฒนธรรมกาย ซึ่งทำการตัดงบแบบฝ่ายใครฝ่ายมัน
- ระยะเวลาในการจัดงานเทศกาลตัดงบ กินเวลาทั้งสิ้น 2 วันเต็ม และมีบางคนออกมาโอดครวญว่า 2 วันมันน้อยไป น่าจะเอาซัก 2 สัปดาห์ ถึงจะมันส์
- แต่ละชมรมก็มีเมกกะโปรเจคเป็นของตัวเอง ต่างก็พยายามจะมานำเสนอแบบเว่อร์ๆเพื่อให้ผ่านความเห็นของที่ประชุม เป็นต้นว่าเสนอไปแสนกว่าๆ แต่เอาเข้าจริงๆต้นทุนมันก็แค่หมื่นกว่าๆนั่นเอง แต่บางชมรมก็ใช้จริงเป็นแสนนั่นแหละ
- ตัวกลางในการประชุมของเทศกาลจะต้องมาจากทั้ง 2 ฝ่าย ได้แก่ อบจ.(องค์การบริหารส่วนจังหวัด)และ กทม.(กรุงเทพมหานครฯ) จะคอยมาทำหน้าที่จดวาระการประชุมและเติมเชื้อไฟให้เหล่าพรรดาผู้ร่วมงานเทศกาล ยิ่งยุส่งให้ต่อยกันได้ ก็ยิ่งแปลว่าเป็นตัวกลางที่ดีมีคุณภาพ
- ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างบทสนทนากันภายในที่ประชุมของฝ่ายศิลป์ฯ ระหว่าง ชมรมหัวล้านนา กับชมรมอีสานบ้านเฮา
อีสาน: ครับ…เนื่องจากคนอีสานส่วนใหญ่ มีวัฒนธรรมการกินที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เราจึงได้มีการให้บริการสาธารณประโยชน์ ไปตรวจหาโรคให้คนเหล่านี้ ซึ่งเราก็จะเป็นต้องใช้งบ ที่จะไปจัดซื้ออุปกรณ์เช่น ถุงมือ สำลี ที่ปิดปาก แถบตรวจวัดเบาหวาน เป็นต้น
ล้านนา: เดี๋ยวๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อนนะมึง…ไอ้แถบตรวจวัดเบาหวานอะไนของมึงเนี่ย ที่เขียนมามันตั้ง 4000 เลยนี่หว่า
อีสาน: ก็ใช่อ่ะดิ
ล้านนา: ยังจะมาหน้าตายอีก…มันดูไม่งี่เง่าไปหน่อยเหรอวะ พวกมึงเป็นชมรมศึกษาวัฒนธรรมอีสานไปศึกษาที่โน่น แต่เสือกไปตรวจเบาหวานให้เค้าเนี่ยนะ
อีสาน: อ้าวววว…พวกกูไปอาศัยเค้าอยู่ ก็ต้องทำอะไรที่มันจะตอบแทนเค้าบ้าง
ล้านนา: แล้วพวกมึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร ไม่ใช่หมอนะโว้ยยยย สมมติเกิดตรวจคนนึงแล้วเค้าเป็นเบาหวานขึ้นมา….ทำไงต่อทีเนี้ย
อีสาน: ก้อ…ตกใจ
ล้านนา: คอวอยอ
อีสาน: ไม่ใช่เว้ย…คือ มันจะมี จนท.ของสาธารณสุขไปด้วย แล้วเราก็ทำการเก็บข้อมูลที่ได้จากการตรวจให้ จนท.เค้า อะไรแบบนี้ไง
ล้านนา: งั้นความเห็นกูคือ พวกมึงตัดแม่งไปเหอะ…ไอ้งบส่วนเนี้ย
อีสาน: เฮ้ยยยย ทำไมวะ ???
ล้านนา: เราเป็นชมรมฝ่ายศิลป์นะโว้ย สัด ในระเบียบการก็เขียนไว้ว่า กิจกรรมที่พวกมึงจะทำกันมันต้องสอดคล้องกะการดำรงค์และรักษาไว้ซึ่งสิ่งที่เรียกว่าวัฒนธรรม แล้วไอ้การไปตรวจโรคของมึงเนี่ยมันเกี่ยวเฮี่ยไรด้วย ที่กูพูดมาเนี่ยมึงพอจะเข้าใจมั้ย แล้วกูเชื่อว่าชมรมอื่นๆที่มันนั่งหน้าสลอนกันอยู่ในห้องนี้ก็คิดแบบเดียวกันกับกู
อีสาน: แต่…
ล้านนา: มึงจะตัดดีๆหรือจะตัดด้วยน้ำตา ?
อีสาน: เออๆๆๆๆ รู้แล้ว ตัดก็ตัดวะ(สัด)
เป็นอันว่างบราวห้าพันฝ่าๆของชมรมอีสานบ้านเฮา จึงถูกหั่นออกไปด้วยประการฉะนี้แล
- ปี2551 ชมรมดอทเอ บริดจ์และหมากกระดานไม่ถูกตัดงบสักแดง ไม่ใช่เพราะมีโครงการเทพ แต่เพราะไม่มีใครเถียงสู้เกรียนไหว
- ชมรมที่ตัดงบได้เก่งและต้องจับตามองทุกๆปีคือ ชมรมล้านนา เพราะว่าในทุก ๆ ปีชมรมล้านนามีโครงการเป็น 10 โครงการ ในขณะที่บางชมรมมีแค่ 2-3 โครงการ ซึ่งโครงการเป็น 10 ของชมรมล้านนาเนี่ยก็ต้องใช้งบเยอะมากกกกกกกก แต่คุณภาพและผลงานของเขาก็แน่จริง เพราะว่าได้รางวัลชมรมดีเด่นตั้งหลายปีซ้อน ถ้าใครอยากเห็นตัวอย่างผลงานของชมรมนี้ก็รอดูวันลอยกระทงของจุฬาฯ เพราะขบวนของชมรมล้านนาอลังการฟาดขบวนของทุกคณะตายไป
- ปีล่าสุดชมรมอีสานเสนอโครงการไปเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมที่จ.น่าน – – ทำไมไม่ไปที่ภาคอีสานวะ
ชมรมมหาสนุก ณ ตึกจุลจักรพงษ์
- ชมรมพุทธฯมีคอมพิวเตอร์และตู้เย็นเป็นของตัวเอง
- ชมรมวรรณศิลป์ใกล้จะได้เลี่ยนชื่อเป็นชมรมวายนะศิลป์ เพราะสมาชิกส่วนใหญ่เป็นสาวก yaoi
- ชมรมที่มีหนังสือมากที่สุดคือชมรมบริดจ์ฯ (การ์ตูน)
- ถ้าอยากอ่าน neoz กับ weekly ฟรีให้ไปที่ชมรมบริดจ์ฯ แต่ถ้าเป็น boom หรือ c-kid ให้ไปที่ชมรมวาทะฯ
- สมาชิกชมรมวาทะฯไม่ได้มีวาทะศิลป์กันทุกคน
- กิจกรรมหลักของชมรมวาทะฯคือการเล่นไพ่
- กิจกรรมหลักของชมรมบริดจ์ฯคือการเล่นดอท
- จับหมูคือกีฬาสากลประจำตึกจุลฯ
- หากสมาชิกชมรมบริดจ์เล่นจับหมูกับชมรมอื่น จบเกมส์ต้องบวกอย่างน้อย 500 แต้ม (หยามกันเข้าไป)
- ไพ่เป็น item ที่มีแทบทุกชมรม (ยกเว้นชมรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนา)
- ไม้กวาดเป็น rare item ประจำตึกจุลฯ ชมรมไหนมีแล้วเก็บไม่ดีหรือไม่มีใครเฝ้า โดนจิ๊กแน่นอน
- chicken_wussเคยอยู่ชมรมบริดจ์ฯ ในสมัยที่เรียนอยู่ chicken_wussใช้ชีวิตอยู่ที่ชมรมมากกว่าที่คณะ
- ชื่อจริงๆของชมรมบริดจ์ฯคือ ชมรมดอทเอ บริดจ์และหมากกระดาน (เรียงตามความถี่ในการเล่นของสมาชิก)เป็นชมรมกีฬาเพียงชมรมเดียวที่อาศัยอยู่ที่ตึกจุลฯ
- สมาชิกชายของชมรมบริดจ์ฯเกรียนทุกคน
- เม็ดโกะถูกนำมาเป็นชิพเวลาเล่นโป๊กเกอร์หรือเก้าเก มากกว่าเอามาเล่นโกะ
- สมาชิกชมรมบริดจ์ฯ เรียกไพ่หน้า jack ว่า trap และจะหวงแหนไพ่หน้า Queen (ผู้หญิง) มากเป็นพิเศษ
- chicken_wuss มักมีไพ่หน้า king เอาไว้ทับ queen เสมอ
- ประธานชมรมบริดจ์ฯสามารถตะโกนคำว่า ควย เสียงดังลงไปถึงชั้นล่างได้
- ประธานชมรมบริดจ์ฯจะตัดหัวเกรียนก่อนไปแข่ง โดยอ้างว่าจะทำให้ฟอร์มการเล่นดีขึ้น (ซึ่งก็จริง)
- ชมรมบริดจ์ฯมีสมาชิกเป็นโอตาคุหรือโลลิค่อนทุกชั้นปี
- ชมรมบริดจ์ฯเรียกการ first meeting ว่า fresh meet (freshy meeting) หลังจากเลี้ยวข้าวเฟรชชี่เสร็จ จะไปทำกิจกรรมกันต่อที่เกษตรฯ(อมรพัน!?)
ความเชื่อ
- เวลาต้องการพึ่งบารมีของเสด็จพ่อร.๕ ให้ขอ ไม่ให้บน (มีรุ่นพี่บอกมาอีกที)คอนเฟิร์มว่าขลังจริง อิฉันเคยขอเรื่องเรียนมาแล้ว (แต่ไม่ได้แก้ด้วยการวิ่งนะ แก้ด้วยการถวายดอกไม้แทน)แต่ห้ามขอหวยนะ(นิสิตคนไหนจะเล่นหวยฟะน่ะ)
- เคยมีเคยขอเสด็จพ่อว่า หากได้เกรดเกิน 2.5 จะวิ่งรอบสนามหน้าพระรูปสิบรอบ สรุปปลายภาคมา ได้เกรด 2.51
- คณะวิศวะฯ มีลานเรียกว่าลานเกียร์ หากใครสะดุดลานเกียร์จะมีแฟนเป็นเด็กวิศวะฯ (สาวบัญชีบางกลุ่มชอบไปเดินสะดุด)ส่วนอักษรมีความเชื่อว่า หากสาวคนไหนสะดุดพรมแดง (ตึกเทวาลัย) จะได้แฟนเป็น artsmen
- คณะวิศวะฯมีความเชื่อกันว่า ถ้าใครโดนรุ่นน้องไหว้ คนนั้นจะเรียนไม่จบ เพราะฉะนั้นเวลาจะทำไ้ด้เำพียงยกมือทักทาย
- นิสิตป.ตรีที่กำลังศึกษาอยู่ห้ามถ่ายรูปเดี่ยวคู่กับพญานาค ที่หัวบันได ตึกมหาจุฬาฯ(ตึกที่สวยๆ ตรงข้ามหอประชุมจุฬาฯ) ไม่งั้นจะโดนรีไทร์ (แต่ถ้ารูปหมู่ก็ไม่เป็นไรนะ)
- รัฐศาสตร์จุฬา ถ้าเข้าตึกหนึ่งหน้าคณะ ห้ามเดินเข้าประตูกลาง ไม่งั้นจะเรียนไม่จบ
- รัฐศาสตร์จุฬามีศาลเจ้าพ่อสิงห์ดำที่ศักดิ์สิทธิ์มาก กับ เจ้าแม่ต้นไทร
- ห้ามนิสิตเดินขึ้น-ลงบันไดกลางของตึกหน้าคณะครุศาสตร์ (ฝั่งที่ตรงข้ามกับสาธิตและนิเทศ)หากฝ่าฝืนจะเรียนไม่จบภายในเวลาที่กำหนด
- ห้ามนิสิตปีหนึ่งเดินขึ้นลงบันไดหน้าตึกขาวคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นตึกภาควิชาชีววิทยา(อยู่ตรงทางเข้าคณะใกล้สระน้ำจุฬา) ไม่งั้นจะซิ่ว (จริงๆแล้ว ไม่เคยเดินก็ซิ่วได้)
- มีความเชื่อว่า หากได้ลอยกระทงกับคนที่ชอบที่สระน้ำ “จุฬาฯ” หน้าหอประชุม จะได้เป็นแฟนกัน แต่ถ้าเป็นแฟนกันอยู่แล้ว ดันมาลอย… ก็จะเลิกกัน
- ห้ามมองเต่าตรงสระน้ำที่อยู่แถวๆ โรงอาหารตึกจุล ไม่งั้นเอนท์ไม่ติด (เจอทุกวันที่ข้ามไปฝั่งนู้นเลยแหะ) (ไม่จริง เพราะมองเห็น ตูก็ติดมาแ้ล้ววว แต่ก็ยังเชื่อกันไปได้ไม่จำกัด)
- ถ้าเห็นเต่าที่สระน้ำตรงหน้าตึก physics จะไม่ตกmean วิชา physics.. แต่ถ้าตะพาบก็…
- ห้ามเหยียบคำว่า สถ. ที่ประตูกลางถาปัด ไม่งั้นเรียนไม่จบ (แล้วไปไว้ที่พื้นทำไมหล่ะพ่อคุณ)
- คนที่โดนกิ่งต้นจามจุรีหล่นใส่หัว จะเรียนไม่จบ (คงเพราะว่างมาก ขนาดมาเดินให้มันหล่นใส่หัวได้)
เรื่องลึกลับ
- ตึกอักษรเก่าจัดเลยเรื่องผีเยอะ ส่งผลให้ต้องทุบทิ้งไปแล้ว
- สมัยยังใช้การตึก 2 นิเทศได้เต็มที่นั้น มีเรื่องเล่าว่า หลังสามทุ่มไปถ้าเดินลงบันไดเวียนจะลงมาเจอชั้นสามประมาณสี่ครั้ง (บรื๋อออ) แล้วตึกนิเทศก็โดนทุบอีกเช่นกัน
- สมาชิกชมรมวาทะฯ ของวิดวะมักจะเจอประสบการณ์หลอนๆบ่อยที่สุด และเกือบทั้งหมดเกิดในห้องประชุมใหญ่ ที่ตึกสาม ของวิดวะ
- ปีกอาคารเรียนชั้นสี่ ตึกสาม คณะวิดวะ หลังหกโมงเย็นแล้ว บรรยากาศจะน่ากลัวที่สุด ชนิดที่ว่า แค่ห้าโมงเย็นก็ไม่มีคนเดินแล้ว
ของกิน
- ที่จุฬาฯก็มี KFC เหมือนกันนะ ย่อมาจาก Karusart Food Center ของคณะครุศาสตร์ มีอาหารให้เลือกมากมาย แต่จุดเด่นไม่ได้อยู่ที่โรงอาหารแต่เป็นซุ้มโค้กแถวนั้นมากกว่า มีน้ำปั่นเลื่องชื่อ อิอิ
- ตอนนี้(2552)ทุกร้านของครุศาสตร์ เป็นซุ้มโค้ก เพราะโรงอาหารถูกทุบสร้างตึกใหม่
- โรงอาหารวิดวะมีก๊วยเตี๊ยวอร่อยทั้งสองร้าน
- โรงอาหารอักษรย้ายมาติดกับโรงอาหารวิดวะแล้ว ส่งผลให้โรงอาหารวิดวะโล่งขึ้นทันตาเห็น
- อาหารตามสั่งร้านเจ๊กุ้งที่โรงอาหารวิศวะอร่อยมาก (อะไรก็ได้แต่ขอให้ใส่ปลาทอด)
- โรงอาหารคณะทันตะหรูมาก คุณภาพสยามแต่ราคาเป็นกันเอง
- โรงอาหารรัฐศาสตร์ มีร้านอาหารนอกๆอยู่(ไทย จีน ญี่ปุ่น อิตาลี ฝรั่ง มีหมด) แต่ราคาถูกเหลือเชื่อ20บาทก็อิ่มได้ ร้านเก็บเร็วมาก เลยเที่ยงครึ่งไปก็แทบไม่มีไรเหลือแล้ว(เคยไปตอนบ่ายโมงป้าเค้าจะเก็บร้านละ อะไรจะไวปานนั้น) — เด็กแพทย์ชอบมาแย่งเด็กรัดสาดกิน
- ตอนนี้ร้านป้าแกขายแกงกะหรี่แร้ว อร่อยโคด แต่ ขาย จ พ ศ นะ ไปวันอื่นระวังหน้าแตก – แต่ได้ยินมาว่าปิดเทอมไม่ขายแกงกะหรี่ เซ็งงง
- แต่ของดีในรัดสาดจริงๆต้อง บะหมี่อดทน (หรืออาจมีชื่อว่า บะหมี่ป้าเฉื่อย หรือ บะหมี่อึดก็ตามแต่ใครจะเรียก)
- โรงอาหารคณะวิศวะเป็นโรงอาหารที่เล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดคณะและจำนวนคน จะทำให้นิสิตต้องไปกินโรงอาหารข้างเคียง เช่น อักษร หรือไม่ก็ รัฐศาสตร์ แต่บางทีก็ไปด้วยสาเหตุอื่น เช่น ส่องสาว(See-food)
- โรงอาหารวิศวะสมัยก่อนเปิดโล่ง ปัจจุบันมีกรงล้อม เนื่องจากเหตุการณ์นกพิราบบุกกินอาหารที่คนวางไว้บนโต้ะ(ในช่วงไปซื้อน้ำ)และที่เก็บจาน คาดว่าเหตุการณ์เกิดจากนักศึกษาวางจัดไม่มีอะไรทำซื้อถั่วเลี้ยงนก เลี้ยงจนบินมากินถั่วในมือได้ จนมันไม่กลัวคนเริ่มบุกโรงอาหารในกาลต่อมา
- ปัจจุบันนกพิราบฝูงนั้นย้ายไปอยู่ที่โรงอาหารอักษร (ข้างๆ) แล้ว และยังออกปฏิบัติการบินโฉบหัวแย่งข้าวชาวบ้านกินเรื่อยไป
- อาหารที่อร่อยที่สุดของโรงอาหาร ตึกจุลฯ คือ “น้ำเปล่า”–> แล้วอาหารโรงอื่นมันอร่อยนักหรือไง
- หาก”ตัน”เรื่องของกินจริงๆ นิสิตจุฬาสามารถ ใช้บริการร้าน “จีฉ่อย”ได้ เพราะจีฉ่อยมีทุกอย่างจริงๆ งะ
- จีฉ่อยกะร้านโจ๊กสามย่านไม่ถูกกัน ฉะนั้น อย่าเอ่ยชื่อจีฉ่อย ให้เจ๊ร้านโจ๊กได้ยิน ไม่เชื่อลองดูดิ่
- ร้านโจ๊กจะปิดร้านตอน 7.30 ตอนเช้า เปิด5โมงเย็น อร่อยด้วย…
- จากข้อความข้างบน ร้าน เขาเลี้ยงสุนัขด้วย เคยไปกินทีตอนเช้า เห็นจับสุนัข แล้วมาหยิบน้ำ หรือ เสริฟโจ๊กให้ (จำไม่ได้) เลยเลิกกินเลน
- ที่สวนหลวง เวลากลางคืน มีของกินอร่อยๆมากมาย (มันอยู่หลังสนามจุ๊บ ใกล้ๆเซียงกง)
เมนูที่ฮิตที่สุดคือ แสงโสม
- ที่สามย่านใหม่ เหมาะแก่การจัดเลี้ยงสังสรรค์หลายๆคน เพราะมันกว้าง และโต๊ะมันเยอะ (แต่ไม่มีร้านไหนอร่อยเลย) และยังนั่งกินเหล้ากันได้ด้วย
เมนูที่ฮิตที่สุดคือ LEO
- ตลาดนัดวันศุกร์ ทั้งวัน มีของกินอร่อยๆเยอะแยะ
- ขณะที่พนักงาน dtac ในจัตุรัสจามจุรีหนีของแพงในตึกไปหาของถูกที่อื่นกิน แต่เราสามารถเห็นนิสิตจุฬาฯหนีของถูกไปกินของแพงในตึกได้เป็นประจำ
- โรงอาหารตึกจุล นั้น หากซื้อข้าวไข่เจียว หรือ ชุด HappyMeal(20 bath) โปรดทำการตรวจทาน สสารบนจานข้าวทุกครั้ง เพราะบางครั้ง ท่านอาจจะพบสิ่งมีชีวิต(ที่ตายแล้ว)ที่ไม่คาดฝัน อยู่บนจานข้าวท่านได้ —> เจอมาแล้วล่ะ … แมลงสาบ ทั้งตัว …ย้ำ!!! ทั้งตัว !!! นอนอืดอยู่ ใต้ไข่เจียว – -” มันมาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ??
- โรงอาหารคณะสินกัม (7-11) คือโรงอาหารยอดฮิตของนิสิตคณะอื่น รวมทั้งเด็กนักเรียนแถวๆนั้นแหละ มักจะมาใช้บริการเป็นประจำ (จนตัวเองแทบไม่ได้ใช้ คนเยอะเกิ๊น)
- คณะเภสัชมีร้านขายข้าวอยู่ร้านเดียว (ทั้งๆที่นิสิตทุกชั้นปีรวมกันก็มากอยู่)คือ ร้านป้าเตี้ย +ร้ายขายน้ำ ขนม จิปาถะอีกหนึ่งร้าน
ที่มาของบทความ ไร้สาระนุกรม ไร้วิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คลิกที่นี้