มารู้จักการค้นหาตัวเองและการเตรียมตัวเพื่อพิชิตฝันของนิสิตแพทย์
มีน้องหลายคนชอบว่า ทำไงถึงสอบติดหมอ แต่พี่บอกเลยว่า แทบจะไม่มีคนถามว่าทำไมพี่ถึงเลือกเรียนคณะนี้ พี่ไม่สามารถมาlive สดกับน้องๆได้ จึงเขียนบทความให้มากน้องถามนะค่ะ
สำหรับพี่ ก่อนที่เราจะเข้าคณะอะไร พี่ต้องค้นหาตัวเองก่อนว่า ทำไมเราถึงอยากเข้าคณะนี้ คณะนี้เรียนอะไรบ้าง จบมาทำงานอะไร เพื่อนร่วมงานเป็นอย่างไรบ้าง และค้นหาตัวเองว่าในอุปนิสัยตัวเองเหมาะสมกับคณะอะไรมากที่สุด
หนึ่งในนั้นก็คือหมอเด็ก หรือกุมารแพทย์ที่พี่อยากเป็น แต่ในการสอบพี่ต้องบอกก่อนนะว่า พี่สอบหมอไม่ติดนะค่ะ ได้คณะอื่นมาแล้วรอเรียนจนจบ พี่จึงสอบเข้ากสพท.
ช่วงที่พี่ทำงาน พีต้องบอกก่อนว่า งานที่พี่หนักมากกว่าทีน้องเรียนมากนะค่ะ แต่ไม่ขอบอกนะว่าทำงานอะไร ช่วงที่พี่จะซิ่วอีกครั้ง พี่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า พอใจกับงานที่ทำแล้วหรือยัง ทำแล้วได้ประโยชน์กับคนอื่นหรือเปล่า เราก็สามารถทำประโยชน์ได้มากกว่านี้นะ ถึงวางแผนในการอ่านหนังสือ กว่าพี่จะสอบติดได้ ต้องใช้เวลา 2 ปีเลยที่เดียวว่าสอบติด
สำหรับพี่นะค่ะ สิ่งที่สำคัญกว่าการอ่านหนังสือ คือการค้นหาตัวเองให้เจอและมองตัวเองว่าสามารถทำได้ไหม อะไรที่ตัวเองไม่สามารถทำฝันให้สำเร็จได้ และสิ่งที่สำคัญสุดๆ เมื่อค้นหาตัวเองเจอและมองตัวเองได้แล้ว คือการการวางแผนในการอ่านหนังสือ
ช่วงที่พี่ก่อนอ่านหนังสือ พี่คิดก่อนว่า คณะที่เราจะเข้า สอบอะไรบ้าง มีการสอบอะไรมากกว่ากสพท.ไหม พื้นฐานที่เรามีควรอ่านหนังสือได้ระดับไหนก่อน ควรจะไปเรียนพิเศษไหม แต่พี่ได้รับคำแนะนำจากพี่นัทนิแหละค่ะว่า ดูในยูทูปก็ได้ ถ้าเราไปเรียนพิเศษคุ้มไหมที่ต้องเสียเวลา เดินทางไปเรียน แค่เดินทางก็หมดไปชั่วโมงแล้ว เอาเวลาซื้อหนังสือมาอ่านดีกว่า แต่คนที่จะเรียนพิเศษจริงๆ ควรเป็นมีเวลากลับอ่านหนังสือทบทวนตัวเองด้วย ไม่ใช่เรียนก็กลับมานอน พี่ว่ามันก็ไม่มีประโยชน์นะค่ะ
แต่พี่มาคิดแล้ว พี่ยังอ่อนวิชาอังกฤษอยู่ ในการซิ่วปีแรก พี่ได้ลงเรียนคอรส์ภาษาอังกฤษ เป็นคอรส์เรียนtoefl นะค่ะ อาจจะไม่เกี่ยวกับแต่พี่คิดว่า ถ้าเรามีพื้นฐานแล้ว เราจะเรียนพื้นฐานอีกทำไม สู้เรียนคอสระดับสูงๆเลยดีกว่าค่ะ
สำหรับน้องมปลาย พี่ก็แนะนำไม่ควรเรียนพิเศษตอนม.6 เป็นต้นไปแล้ว ควรจะเอาเวลามาทบทวนดีกว่าค่ะ หรือถ้าจะลงจริงๆควรเป็นคอรส์ตะลุยโจทย์
ส่วนน้องที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย พี่จะไม่สามารถแนะนำให้ได้มากนะคะ ควรจะดูว่าถ้าจะเข้าหมอแต่ไม่มีพื้นฐาน ไม่เคยที่จะอ่านหนังสือและทำโจทย์ พี่ขอพูดเลยว่า ไมมีทางที่จะสอบติดได้แน่นอน เราคงได้แค่ฝัน ตั้งใจให้มากขึ้นนะค่ะ
พีต้องฝากน้องม.4-5 ด้วยเลยว่า ควรเตรียมตัวได้แล้วค่ะ สถาบันที่พี่สอบติด มีเด็กที่ส่วนมากเตรียมตัวมาตั้งแต่ม.ต้น เลยที่เดียวดูจากห้องเรียน และสถาบัน แต่บางคนเรียนโรงเรียนไม่ดังเลย ก็สามารถสอบติดได้นะ น้องเล่าให้พี่ฟังว่า เค้าพยายามมาก จนสอบติดได้
พี่ได้ตั้งเวลาการอ่านหนังสือ คือ 6 โมงเย็น ถึง 5 ทุ่ม ค่ะ ช่วงเช้า บ่ายพีต้องทำงาน มีบ้างนะ ทีแอบฟังติวเตอร์สอน
ช่วงเที่ยง พักกลางวัน พี่จะรีบกินข้าว พี่มาหันทำโจทย์ ความถนัด 30 นาที เราก็ได้ 1 part แล้ว ทำทุกวัน 365 วัน อย่างไง ปีหนึ่งเราก็ได้ทำ มากกว่า 100รอบแล้วค่ะ
ก่อนหน้านั้น มีน้องถามแน่นอนว่า ซื้อหนังสือจากไหน แนะนำหนังสืออะไรบ้าง
ช่วงแรกในการอ่านหนังสือ บอกก่อนว่า พี่ทำตามตารางไม่ค่อยได้ เพราะขี้เกียจบ้าง อะไรบ้าง แต่เราจะทำให้ได้นะค่ะ หลังจากสอบปีแรก รู้แล้วว่าเราสอบไม่ติดแน่ๆ พี่บอกตัวเองเลยว่า ต้องขยันนะ ถ้าเราไม่เข้าใจในสิ่งที่สอบ เราจะไปเป็นหมอได้ไง ตำราที่เราจะเจอเราก็ไม่เคยรู้เลยว่าเรียนอะไรบ้าง หนักแค่ไหน
หนังสือที่พี่อ่าน ปีแรก จะอ่านแยกม.4-6 เป็นบทๆ หรือเป็นเทอมก่อนค่ะ หนังสือที่ซื้อ ใน 1 เทอมก็ไม่เกิน 3 เล่มต่อวิชานะ เพราะเยอะเกินไป พี่ไม่แนะนำนะ ควรซื้อเล่มไหน เราควรจะอ่านหนังสือที่เราเข้าใจมากที่สุดก่อนจะดีกว่า ยอมเสียเวลายืมอ่าน ดีกว่าซื้อกลับไปแล้วไม่รู้เรื่อง
สถานที่พี่ชอบไปซื้อ คือศูนย์หนังสือจุฬาที่สยาม
เวลาซื้อหนังสือ พี่ต้องบอกอีกอย่างว่า ถ้าน้องซื้อแล้วต้องอ่านนะค่ะ ไม่ควรอย่าซื้อดีกว่าค่ะ เราเสียเวลาไปซื้อหนังสือ เสียเวลาเดินทางแล้ว เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่านะ ถ้าซื้อแล้วไม่อ่าน
หลังจากที่ซื้อหนังสือแล้ว ก็มาตั้งเวลาอ่านหนังสือ อย่างที่พีบอกด้านบนพี่อ่านหนังสือเวลา 6 โมง – 5ทุ่มแล้ว เราต้องถามต่อว่า เราจะอ่านถึงเมื่อไร จะทำโจทย์ตอนไหน พี่ขอแยกเวลาก่อนนะอ่านตอนไหนบ้าง
กำหนดการชีวิตในวันธรรมดา
06.00 ตื่น
08.00 -12.00 ทำงาน
12.00-12.20 กินข้าว
12.20-13.00 อ่านหนังสือ
13.00-16.30 ทำงาน
17.00-18.00 พักผ่อน
18.00 -18.50 ชีววิทยา
19.00-19.50 เคมี
20.00-21.00 ฟิสิกส์
21.00-22.00 คณิตศาสตร์
22.00-.23.00 ไทย + สังคม + อังกฤษ
กำหนดการวันหยุด
07.00 ตื่น
08.00-10.00 ฟิสิกส์
10.00 -12.00 เคมี
12.00-13.00 กินข้าวและนอนหลับ
13.00-15.00 ไทย + สังคม + อังกฤษ
15.00-17.00 ชีววิทยา
17.00-18.00 พักผ่อน
18.00-20.00 คณิต
20.00-22.00 กสพท
22.00-23.00 อ่านหนังสือวิชาที่อ่อน
พี่มาเริ่มทำโจทย์ตอนเดือนเมษายนแล้ว แต่ตารางการอ่านหนังสือยังเหมือนเดิมนะค่ะ แต่เปลี่ยนจากเนื้อหามาทำโจทย์
ช่วงเลือกคณะ ตามที่พี่นัทบอก พี่เลือกได้อันตรายมาก เพราะพี่คิดว่า ถ้าฉันจะเป็นหมอที่ดีและมีความรู้ ฉันต้องพยายามให้มากที่สุด
ที่พี่เลือกไว้ จุฬา ศิริราช รามา วชิวะ (แต่ละที่คะแนนสูงจริงๆ) จากที่พี่นอน 5 ทุ่มมาเป็น เที่ยงคืน แต่ก็เลื่อนเวลาตื่นนะ เพราะปีนั้นรถไฟฟ้าเปิดพอดี เลยไม่ต้องตื่นเช้ามากแล้ว
พี่สอบความถนัดทางแพทย์ พี่ได้ขอลางาน 2 อาทิตย์เลยค่ะ เพื่ออ่านหนังสือสอบ ค่ะ
ต้องเล่าก่อนสอบ 1 วัน พี่พยายามไม่เครียดนะค่ะ เพราะเราเต็มที่แล้วมา พี่จะไปเที่ยวและกินอาหารที่ปลอดภัยมากๆ พี่ต้องฝากเรื่องการกินมาให้มากๆและการพักผ่อน
วันสุดท้าย ไม่ต้องอ่านหนักแล้วค่ะ เราอ่านมาตลอดทั้ง 2 ปีแล้ว
หลังจากสอบเสร็จพี่ก็กลับมาอ่านหนังสือต่อนะค่ะ คิดว่าอาจจะสอบไม่ติด ไหนๆอ่านหนังสือ 2 ปีแล้วก็อ่านอีกนิดคงไม่เป็นไร แต่พี่นัทคอนเฟริ์นเองว่า สอบติดแน่นอน หลังจากที่ 9 วิชาสามัญประกาศผล ไม่ถึงเดือน วันที่ประกาศผล วันนั้นพี่ตื่นเต้นมากค่ะ
พี่เห็นเด็กๆ มาดูตอนดึกๆ พี่ก็อยากบอกว่า พี่ก็ทำแบบนั้นค่ะ นั่งดูตั้งแต่ 2 ทุ่มแล้วก็ยังไม่ประกาศ มีสะดุ้งตื่นมาดูด้วยนะก็ยังไม่ประกาศ สุดท้ายมาประกาศตอนบ่าย 3 เลย พี่ไม่ขอแนะนำให้รอนะค่ะ แต่จะให้ทำไงได้นะก็มันตื่นเต้นนินะ
สรุปว่าติดค่ะ แต่ติดที่ไหน รอพีlive สดต่อไปนะค่ะ เดี้ยวมาพูดการสอบสัมภาษณ์ถึงการเรียนเลย (พี่นัทไม่ให้พิมพ์ต่อ) พี่ก็เชื่อว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าการสอบติด คือการค้นหาตัวเองให้เจอ หาจุดอ่อนของตัวเอง การวางแผนและเข้มแข็งต่ออุปสรรค
หวังว่าน้องจะสอบติดกันค่ะ
———————————————————————————————
คลิกช่องทางการติดต่อ
รวมข่าวต่างๆจาก ชมรมคนรักการศึกษา
รีวิวคณะและมหาวิทยาลัยต่างๆ คลิกที่นี้
พี่นัทแนะนำน้อง
ก่อนสมัครรับตรงทุกครั้ง ให้ถามใจตัวเองก่อนว่าเป็นคณะที่เราเรียนไหม
หวังว่าบทความนี้จะให้แรงบังดาลใจน้องเพื่อพิชิตฝันนะครับ
อย่าลืมดูเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างเรียนและจดจำไทม์ไลน์รับตรงด้วยนะครับ